|
Your Account
|
Help
Post News  :   เศรษฐกิจโลก และการเมือง ปัจจัยกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 54

ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2554 จะยังขับเคลื่อนและขยายตัวได้ แต่อาจชะลอตัวลงบ้าง โดยมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ หากไม่มีผลกระทบใดรุนแรง จากพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าปี 2554 เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
       
       ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัท เศรณี โฮลดิ้ง จำกัด ปาฐกถาพิเศษเรื่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2554” ในงานสัมมนาเชิงวิชาการ รุ่งหรือร่วงเศรษฐกิจไทยปี 54” ว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2554 ยังจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกต่อไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัญหาของสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่มีหนี้สาธารณะเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้การค้าและการลงทุนทั่วโลกเกิดความไม่แน่นอน
       
       ปัจจุบันปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่มีความผันผวนรุนแรง และรวดเร็วมาก จะเห็นได้จากการที่มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเงินนี้จะมาเร็วไปเร็ว ดังนั้นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการจะต้องนำเรื่องต่างๆ เหล่านี้มาประกอบในการคิด วางแผน และตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
       
       นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ต้องตระหนักที่จะทำให้ได้หรือเสียประโยชน์คือ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนื่องจากมีความสำคัญต่อการค้า และการลงทุนของไทยมากที่สุดในปัจจุบัน โดยจะเห็นได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2553 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ไทยมีกับประเทศเหล่านี้ โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น FTA ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ได้ลงนามไว้กับอาเซียน เช่น อาเซียนกับญี่ปุ่น อาเซียนกับจีน อาเซียนกับเกาหลี ฯลฯ
       
       เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการเพิ่มฐานะและโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2554 ดังนั้นจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปสร้างปัญหากับประเทศดังกล่าว เนื่องจากไม่เป็นประโยชน์ต่อการค้าการลงทุนของไทย
       
       อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 เศรษฐกิจไทยยังจะต้องเผชิญกับมลพิษทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อไปอีก โดยมลพิษทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ซึ่ง GDP เกิดมาจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมประมาณร้อยละ 40 เกษตรร้อยละ 10 (ไม่รวมเกษตรแปรรูป) และบริการร้อยละ 50 ส่วนมลพิษทางการเมืองมีความสำคัญต่อการลงทุน และธุรกิจบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
       
       ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2554 จะถดถอยหรือก้าวหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
       
       ประการแรก การแก้ปัญหา และบริหารมลภาวะที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนาดใหญ่ (มาบตาพุด) รวมถึงปัญหาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังขาดแคลนถึง 2 แสนคน เนื่องจากหาแรงงานไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญมาก
       
       ประการที่สอง การบริหารของภาครัฐ และเอกชน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่จะมีการตัดสินคดียุบพรรคในช่วงปลายปี 2553 แต่หากไม่มีผลกระทบอะไรที่รุนแรงมากนัก จากพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยเชื่อว่าในปี 2554 เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4 – 5

       
       ประการที่สาม ความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่โครงสร้างใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่
       
       - อุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
       
       - เพิ่มภาคการเกษตรที่เป็นอาหาร และพลังงานทดแทน โดยมีความพยายามที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียในการผลิตเอทานอล จากมันสำปะหลัง
       
       - เพิ่มภาคบริการที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจและสังคมไทย เช่น เวชกรรมสำอาง ทันตกรรมสำอาง ศัลยกรรมสำอาง ฯลฯ
       
       นอกจากนี้ ยังรวมถึงเรื่องการคมนาคมขนส่ง และการสื่อสารต่างๆ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศไทยเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้ โดยล่าสุดมีการอนุมัติงบประมาณให้การรถไฟแห่งประเทศไทยถึง 170,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบรางให้ได้มาตรฐานสากลสำหรับรองรับการขนส่งในอนาคต และการใช้เงินจำนวนดังกล่าวยังเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2554 อีกด้วย
       
       กล่าวโดยสรุปในปี 2554 ไทยยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกหลายด้าน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่สำคัญจะได้เห็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมที่พึ่งพิงอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหา และมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น

อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือจากธุรกิจการเกษตรเดิมที่มีประสิทธิภาพน้อย ได้แก่ การผลิตข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฯลฯ โดยวิถีทางธรรมชาติ หรือธุรกิจบริการที่มีมูลค่าเพิ่มไม่มากนัก ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ และบริการที่ทันสมัย
       
       เรื่องต่างๆ เหล่านี้จะเป็นมิติใหม่ของเศรษฐกิจไทยที่จะเริ่มขึ้นในปี 2554 แต่จะได้รับความสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ผู้บริหารประเทศ และประชาชน ดังนั้น เมื่อเราทราบทิศทางที่แน่นอนแล้ว ใครจะมาเป็นรัฐบาลจึงไม่ใช่ปัญหา และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าจะได้รับความสำเร็จในการดำเนินงานด้านต่างๆ ในปี 2554 อย่างแน่นอน

 

 
Back