คลังสินค้าอัตโนมัติ
วันพุธ ที่ 09 มิถุนายน 2553 เวลา 4:00 น
ทำเรื่องคลังสินค้ามานาน คุ้นเคยกับปัญหาทั้งข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ความปลอดภัยและข้อผิดพลาดจากการใช้แรงงานมนุษย์ จึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุม
เรียกว่า “ระบบจัดเก็บและค้นหาสินค้าอัตโนมัติ” (Automated storage and Retrieval systems:AS/RS) หรือเรียกสั้น ๆ ว่าคลังสินค้าอัตโนมัติ
ผลงานจากบริษัทมากิ-สุธี เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่พัฒนาต้นแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต นายสุรดิษฐ์ มิ่งอภินันท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ฯ ของบริษัท บอกว่า เริ่มพัฒนาโครงการดังกล่าวมาแล้วกว่า 1 ปี ใช้งบทั้งหมด 2 ล้านบาท โดย 1 ล้านบาทมาจากการสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช.ในโครง การแปลงเทคโน โลยีเป็นทุน
ระบบดังกล่าว เป็นระบบอัตโนมัติที่เกิด จากการสร้างและออกแบบ ระบบให้เข้ากับการดำเนินการแก้ปัญหาคลังสินค้า ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะผนวกกับเทคโนโลยีแขนกลหรือหุ่นยนต์อุตสาหกรรม สื่อสารผ่านจอควบคุม มีบาร์โค้ด สำหรับคำนวณนำสินค้าไปเก็บที่ช่องได้เอง
แม้ว่าเทคโนโลยีหลักในการควบคุมจะนำเข้าจากต่างประเทศ แต่เครื่องจักร กลไก รวมถึงการเขียนโปรแกรมในการเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็เป็นผลงานของวิศวกรชาวไทยล้วน ๆ
อนาคตสามารถพัฒนาต่อ ยอดใช้งานร่วมกับระบบอาร์เอฟไอดี เพื่อให้สามารถบริหารสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิ ภาพมากขึ้นได้
นายสุรดิษฐ์ กล่าวว่า การจัดเก็บในระบบดั้งเดิม ยังใช้หิ้งและคนในการจัดเก็บและนำสินค้าออกมาใช้งาน ซึ่งหากธุรกิจมีการขยายตัว ปริมาณสินค้ามีมาก ขึ้นการรวบรวมสินค้ามีความสลับซับซ้อนมากขึ้นแล้ว การใช้แรงงานคนต้องอาศัยเวลา และอาจทำให้เกิดความผิดพลาดและอันตรายได้โดยง่าย
ระบบจัดเก็บและค้นหาสินค้าอัต โนมัติ จะแก้ปัญหาดังกล่าว โดยต้นแบบพัฒนาเป็นตู้สินค้า สำหรับเก็บสินค้าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัมต่อชิ้น จัดเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้นงาน ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บกว่าแบบเดิม ๆ ถึง 60%
สามารถนำสินค้าออกมาตามการโต้ตอบของระบบ ซึ่งจัดทำเป็นกล่องควบคุมติดอยู่ด้านหน้าตู้สินค้า เพียงคีย์ข้อมูลสินค้าที่ต้องการ ระบบจะนำสินค้านั้น ๆ ออกมาให้อย่างรวดเร็ว
ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่ในที่มืดหรือสว่าง ซึ่งเป็นการลดข้อจำกัดที่เกิดจากการใช้แรงงานคน ระบบแบบเดียวกันนี้ นายสุรดิษฐ์ บอกว่า หากซื้อจากต่างประเทศ ราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท ขณะที่บริษัททำได้ถูก กว่าเกือบ 50% ...ที่สำคัญ เป็นฝีมือคนไทยที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้ตามต้องการ ปัจจุบันผลงานชิ้นนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพที่ดีและเหมาะกับอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น!!! |