การผลิตฟักทองระบบอินทรีย์
ผศ. ดร. จานุลักษณ์ ขนบดี 1. บทนำ ฟักทองเป็นผักวงศ์แตง (Cucurbitaceae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cucurbita spp. มีชื่อพื้นเมืองว่า น้ำเต้า (ภาคใต้) ฟักเขียว มะฟักแก้ว (ภาคหนือ) ฟักทอง (ภาคกลาง) มะน้ำแก้ว (จังหวัดเลย) หมักคี้ล่า เหลืองเคล้า (ชาวกะเหรี่ยง จังหวัดแม่ฮ่องสอน) หมักอื้อ (จังหวัดเลย และจังหวัดปราจีนบุรี) หมากฟักเหลือง หมากอึ (ภาคอีสาน) 2. ถิ่นกำเนิด ฟักทองมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศในทวีปอเมริกากลาง อเมริกาใต้และอเมริกาเหนือ เช่น ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้พบว่ามีการปลูกมาตั้งแต่ 10,000 – 30,000 ปี ที่ผ่านมา เป็นพืชที่มีการใช้ประโยชน์มาอย่างนานที่สุด 3. ลักษณะพฤกษศาสตร์ ฟักทองเป็นพืชผสมข้ามตามธรรมชาติโดยอาศัยลมและแมลง ดอกแสดงแยกเพศผู้และเพศเมียตามธรรมชาติเป็นพืชล้มลุกปีเดียว ลำต้นเป็นเถาเลื้อยยาว 3 – 6 เมตร ที่ข้อปลายหนวดแยก 3 ถึง 4 แฉก ลำต้นอ่อนมักเป็น 5 เหลี่ยม หรือกลม ใบมีขนคายมืออยู่ทั่วไป เนื้อใบนิ่ม มีรูปร่าง 5 ถึง 7 เหลี่ยม หรือรูปร่างเกือบกลม ริมใบมีหยักเว้าลึก 5 ถึง 7 หยัก ใบกว้าง 10 ถึง 20 เซนติเมตร ยาว 15 ถึง 30 เซนติเมตร ผลมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันตามพันธุ์ อาจมีรูปร่างตั้งแต่กลมจนถึงค่อนข้างแป้น ผิวผลมักเป็นตุ่มนูนและหยักเป็นร่อง เนื้อในผลมีสีเหลืองจนถึงสีเหลืองอมส้ม เหลืองอมเขียว เมล็ดมีจำนวนมาก รูปร่างคล้ายรูปไข่แบน 3.1 ลักษณะดอก ฟักทองเป็นพืชที่มีดอกแยกเพศ คือเพศเมียและเพศผู้โดยอยู่ภายในต้นเดียวกัน ดอกเพศเมียเป็นดอกเดี่ยวเกิดบริเวณมุมใบ มีกลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบ รังไข่มีลักษณะกลมยาว 2 – 5 เซนติเมตร มีลักษณะเหมือนผลฟักทองขนาดเล็ก ส่วนของยอดเกสรเพศเมียมี 2 – 5 แฉก การเจริญเติบโตในระยะแรกการแสดงดอกของฟักทองจะแสดงดอกเพศผู้ ส่วนดอกเพศเมียจะมีตั้งแต่ข้อที่ 12 – 15 ดอกที่เกิดปลายเถาและเถาแขนงมักเป็นดอกเพศเมีย
3.2 การผสมเกสร ดอกเพศเมียและเพศผู้บานในตอนเช้า โดยบานตั้งแต่เวลา 3.30 น. ถึง 6.00 น. อับเรณูแตกเมื่อเวลา 21.00 ถึง 3.00 น. ละอองเรณูมีชีวิตอยู่ได้ 16 ชั่วโมงหลังอับเรณูแตกยอดเกสรเพศเมียพร้อมรับการผสมเกสรก่อนดอกบาน 2 ชั่วโมง และหลังดอกบาน 10 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการผสมเกสร คือตั้งแต่เวลา 6.00 ถึง 9.00 น.
|