|
Your Account
|
Help
Post News  :   “แสงตะวัน” แชมพูออแกนิกตรึงตราลูกค้าเฮลตี้

SAENGTAWAN เ ที ย บ ชั้ น ส ป า โปรดักต์ สานสายเลือดรุ่นแม่ ดึงศาสตร์ ภูมิปัญญาสมุนไพรไทย ‘ว่านหางจระเข้’ อิงเทรนด์สุขภาพ สร้างสินค้าบำรุงบำบัด ศีรษะและเรือนร่างไร้สารเคมี เจาะตลาด ร้านค้าปลีกเพื่อฐานลูกค้าประจำ จากความตั้งใจของมารดากับอนันต์ ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ ที่มีสรรพคุณ ในการรักษาและบำบัด ส่งผลให้ในปี 2531 นางสาวชาลิสา สุริยะ และนางสาวอัมพร อมรรุจโรจน์ สองทายาทธุรกิจเริ่มเข้ามา สานต่อกิจการของครอบครัวที่มีการก่อร่าง สร้างอาชีพนานกว่ายี่สิบปี ซึ่งเป็นธรรมดา ของทายาทธุรกิจ ที่มักละเลยสิ่งดีใกล้ตัว ไม่สนใจ และมักเลือกทำงานจากสาย วิชาชีพที่เรียนมามากกว่า แต่เพราะสิ่งเร้า คือสินค้าแบรนด์เนมที่พบทั่วไปในท้องตลาด จะมีการขยาย ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กระตุ้น แนวคิดหันกลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใน ครัวเรือน


“แสงตะวัน” สร้างความชัดเจนของ ตราสินค้าออร์แกนิก ในหมวดเครื่องใช้ใน ครัวเรือน (Personal Care) ได้แก่ แชมพู สูตรหยุดผมร่วง, สร้างผมใหม่, ปิดผมขาว พรอ้ มเซรัมบำรุงนํ้ามันใสผ่ มซึ่งลว้ นปราศจาก สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และ SLES ( Sodium Lauryl Ether Sulfate) หรือ สารที่จุลินทรีย์ในนํ้าไม่สามารถย่อยสลาย ได้ ที่จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโรคมะเร็ง ก่อให้เกิดปัญหาเส้นผม หนังศีรษะ และ ผิวพรรณ พร้อมใช้นํ้าแร่ธรรมชาติเข้า เป็นส่วนผสมในการผลิต โดยผ่านขั้นตอน ของออร์แกนิกไทยแลนด์ ตามด้วยการเพิ่ม สินค้าในแขนงผิวพรรณ อย่างเจลอาบนํ้า ความโดดเด่นอยู่ที่การประยุกต์พื้น ความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาและป้องกันเรื่อง เส้นผม โดยผ่านภูมิรู้ของแพทย์และเชี่ยวชาญ ผสานกับการนำเอา “วัตถุดิบสมุนไพร” บนศักยภาพพื้นที่หนองหญ้าปล้อง จังหวัด เพชรบุรีมีการปลูกว่านหางจระเข้มาก ซึ่ง อาจมีอุปสรรคเรื่องระยะเวลาในการปลูกกว่า 8-12 เดือน จึงจะปลูกใหม่อีกครั้ง ทำให้ ต้องอาศัยเครือข่าย ไร่มาตรฐานในจังหวัด ใกล้เคียงอย่างราชบุรี เกิดการกระจายรายได้ โดยใช้แรงงานแม่บ้านกว่า 15 คน

นางสาวชาลิสา เปิดเผยว่า “แสงตะวัน เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้นจากอิทธิพล ของโครงการโอท็อปเมื่อปี 2546 โดยได้ปรับ รูปลักษณ์แบบขวดปริมาณ 400 cc และขาย ปลีกในราคา 165 บาท จากเดิมขายเป็น ลิตร พร้อมกันนั้นยังได้สร้างกลุ่มเป้าหมาย ใหม่ จากผู้รักษาสุขภาพ เลี่ยงสารเคมีและ ผู้สูงวัย ปรับลดฐานผู้บริโภคลงสู่วัยรุ่น หลังเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบแพ็กเกจ ใหม่ เพราะลูกค้าคำนึงเรื่องบรรจุภัณฑ์เป็น สำคัญ ตั้งแต่ ปี 2547-2548 บวกกับกระแส พฤติกรรมลูกค้าพึงใจในสินค้าโอท็อป และ เรียนรู้ที่จะศึกษาข้อมูลจากแหล่งความรู้ ด้านสมุนไพรมากขึ้น “เราเน้นจรรยาบรรณในการทำธุรกิจ ไม่ใช้สารเคมี เพื่อตรึงลูกค้าติดผลิตภัณฑ์ จนลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ เราจึงออก สินค้าใหม่ อย่างกลุ่มปิดผมขาว ซึ่งวัดได้ จากการที่ลูกค้าส่งบรรจุภัณฑ์ขวดเก่า เพื่อให้เราบรรจุส่วนผสม (รีฟีล) และแม้ว่า เราจะมีฐานลูกค้าประจำ แต่ปัญหายังไม่ มั่นใจเรื่องบัญชีกำไรขาดทุน ทำให้เราเข้า โครงการ NEC เพื่อเรียนรู้แผนธุรกิจ ส่งผล เพิ่มยอดขายมากกว่าร้อยละ 50-80 และ

ภายใน 3 เดือนลดต้นทุนได้เห็นเป็น รูปธรรม เราเลยคาดการณ์และมีแนวโน้ม กู้เงินขยายกิจการบนพื้นฐานรู้จริง” นางสาว อัมพรกล่าว ด้านการตลาดนั้น “แสงตะวัน” เดิน หน้าประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย พร้อม แจกสินค้าตัวอย่าง (Tester) รวมถึงกระจาย สินค้าผ่านร้านค้าเพื่อสุขภาพเป็นหลัก อย่างร้านตำหรับไทย ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หรือโอท็อปเซ็นเตอร์ และพ่วงไปกับ โครงการหลวงดอยคำ รวมทั้งขยายเป็น ผลิตภัณฑ์ภายในสปาที่เชียงใหม่และภูเก็ต ร่วมกับเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าขาย ปลีก ซึ่งจัดแบ่งเปอร์เซ็นต์ในการขาย

ร้อยละ 20 นอกจากนั้นยังรับจ้างผลิต (OEM) จากร้านค้าสปา พร้อมๆ ไปกับการดึงเอา ศาสตร์แฝงเพื่อมาปรับใช้และสร้างผลิตภัณฑ์ ใหม่นำเสนอลูกค้า ส่วนการขยายสู่ต่างประเทศนั้น นางสาวชาลิสากล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีตัวแทน จำหน่ายติดต่อขอซื้อสินค้าเพื่อขยายต่อ ในรูปแบบขายตรงหลายชั้น (MLM) ใน ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ยังเข้าร่วมกับภาครัฐ สำหรับโรดโชว์ เพื่อมองหาโอกาสในการเพิ่ม ช่องทางการค้าต่างถิ่น

 
Back